เอ็นเอไอ ผนึก ททท. เปิดอะเมซิ่งครั้งใหม่ด้วยพลังนวัตกรรมที่เปลี่ยนโฉมการท่องเที่ยวไทย ชูพลังความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมสร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวยุคใหม่ให้อะเมซิ่งอีกครั้ง
การท่องเที่ยวยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ แต่ยังมีบทบาทในการสร้างงาน สร้างภาพลักษณ์ หรือแม้กระทั่งเป็นตัวแปรด้านการลงทุน แต่การจะส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยังมีปัจจัยท้าท้ายอีกหลายด้านที่ต้องรับมือไม่ว่าจะเป็นความสะดวกสบาย การแข่งขันของหลากหลายประเทศ และพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปผู้คน ซึ่งล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวแทบทั้งสิ้น
ในช่วงปลายปีนี้ เมืองไทยเตรียมปลุกความอะเมซิ่งครั้งใหม่ให้โลกจับตาอีกครั้งกับสโลแกน “Amazing Thailand” เมื่อรัฐบาลและภาคเอกชนเดินหน้ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวชุดใหญ่ ทั้งในเชิงเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศ
เรื่องแรกที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก คือการเปิดตัว “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนใหม่ที่ไม่เพียงเป็นตัวแทนของศิลปินระดับโลก แต่ยังสะท้อน “ภาพลักษณ์ประเทศไทยในยุคใหม่” ได้อย่างทรงพลัง
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่น่าจับตา คือการเปิดตัวแพลตฟอร์ม “Amazing Thailand Innovation Gadget” ที่สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ได้ทำความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เข้าสู่ยุค Smart Tourism อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะทำหน้าที่เป็น “คลังนวัตกรรมท่องเที่ยวแห่งแรกของไทย” ที่รวบรวมเทคโนโลยีและโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไว้ในที่เดียว ตั้งแต่เทคโนโลยีช่วยวางแผนเส้นทาง จองที่พัก การบริหารจัดการข้อมูลนักท่องเที่ยว ไปจนถึงระบบสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบรู้ใจ
ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ไม่ใช่แค่ศูนย์รวมนวัตกรรม แต่คือ “จุดเปลี่ยน” ที่จะเชื่อมโยงผู้ประกอบการ นักพัฒนา และนักสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่ “อะเมซิ่ง” ตั้งแต่เริ่มวางแผนจนจบทริปของนักเดินทางทั่วโลก
มองประเทศชั้นนำของโลกที่พาการท่องเที่ยวมาพบกับเทคโนโลยี
โลกเข้าสู่ยุคที่การท่องเที่ยวไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยสถานที่และวัฒนธรรมที่งดงามเพียงเท่านั้น แต่ยังแข่งขันกันด้วยประสบการณ์และเทคโนโลยี จึงทำให้หลายประเทศทั่วโลกเร่งยกระดับการเดินทางให้สมาร์ทขึ้น เชื่อมโยงอารมณ์ได้ลึกขึ้น และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้นกว่าเดิม เช่น ญี่ปุ่น ต้นแบบของประเทศที่ใช้พลังวัฒนธรรม - นวัตกรรม ผ่านอานิเมะ ดนตรี อาหาร และแฟชั่นที่กลายเป็นเอกลักษณ์ระดับโลก ซึ่งล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นได้รีบูตแนวคิดเชื่อมรากวัฒนธรรมเข้ากับเทคโนโลยี เช่น โครงการ VIRTUAL REMIX JAPAN ที่เปิดให้แฟนทั่วโลกเข้าร่วมงานศิลปะ เทศกาล หรือโลกอานิเมะผ่าน VR และ AR แบบเรียลไทม์ สะท้อนการผสานอดีตกับอนาคตอย่างงดงาม
ขณะที่ เกาหลีใต้ ได้ผสมผสานเทคโนโลยีกับการท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดและสร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวอย่างเข้มข้น ผ่านการส่งเสริมสตาร์ตอัป เช่น แพลตฟอร์มบริหารจัดการโรงแรมผ่านระบบคลาวด์เทคโนโลยีแปลภาษาแบบเรียลไทม์ บล็อกเชนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แพลตฟอร์มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับการศึกษาต่อในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังสร้างระบบนิเวศท่องเที่ยวที่ผสมผสานเมืองอัจฉริยะ เทคโนโลยีดิจิทัล และวัฒนธรรมยุคใหม่ โดยใช้ศิลปิน K-Pop เป็นตัวขับเคลื่อน หรือที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน นครต้นแบบของยุโรปที่ยกระดับเมืองสู่ Smart Destination ด้วยการใช้เทคโนโลยีจัดการเมืองและประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างชาญฉลาด ตั้งแต่ระบบจราจรอัจฉริยะ พลังงานประหยัดด้วยบริการจักรยานสาธารณะ การวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวด้วย Big Data ผ่านแอปเดียวจบ ทั้งจองที่พัก ร้านอาหาร และแผนที่การเดินทาง สร้างสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวกับชีวิตของคนเมืองได้อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนว่า “เทคโนโลยี” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริม แต่คือหัวใจของการสร้างความแตกต่างในเศรษฐกิจท่องเที่ยวยุคใหม่
Amazing Thailand Innovation Gadget ยกระดับท่องเที่ยวไทยด้วยนวัตกรรมครบวงจร
NIA ได้ร่วมกับ ททท. ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ เปิดตัวแพลตฟอร์ม “Amazing Thailand Innovation Gadget” ซึ่งทำหน้าที่เป็น "คลังนวัตกรรมท่องเที่ยวแห่งแรกของไทย" เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเข้าสู่ยุค Smart Tourism อย่างเต็มรูปแบบ แพลตฟอร์มดังกล่าวจะรวบรวมเทคโนโลยีและโซลูชันนวัตกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวจากสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดการใช้งานจริงในพื้นที่ตลอดห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมการท่องเที่ยวที่เข้มแข็งผ่านการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้สามารถใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเหนือระดับให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ และส่งผลลัพธ์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืน ประเทศไทยจะมีคลังนวัตกรรมท่องเที่ยวที่สามารถต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันในระยะยาว
จากพลังสร้างสรรค์และวัฒนธรรมสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจท่องเที่ยวไทย
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กล่าวว่า “นวัตกรรมที่จะเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มดังกล่าวจะเป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว (Travel Tech) โดยเปิดกว้างให้กับสตาร์ตอัป ผู้ประกอบการ นักพัฒนา หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ที่มีความสนใจและศักยภาพสามารถเข้าร่วมสร้างประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่เหนือระดับ พร้อมต่อยอดนวัตกรรมและยกระดับ Smart Tourism ของประเทศไทย ทั้งนี้ NIA มีกลุ่มสตาร์ตอัปและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และผ่านการบ่มเพาะ/สนับสนุนกว่า 80 ราย เช่น ด้านการท่องเที่ยว เช่น โลคอล อะไลค์ ด้านโรงแรม เช่น แอสเซนด์ แทรเวิล ด้านการเดินทาง เช่น มูฟมี ด้านการเงิน เช่น โซเชียลกิฟเว่น และระบบหลังบ้านจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Journey) เช่น แอพพ้อยท์เม้นท์ เอนนี่แวร์ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเครื่องมือและโซลูชันที่เหมาะสมกับบริบทของตนเอง โดย NIA เชื่อมั่นว่าทุกภาคส่วนล้วนมีความสำคัญต่อการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่นผ่านการนำเทคโนโลยีมาผสานกับเรื่องราวความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของพื้นที่ ซึ่งจะไม่หยุดอยู่ที่ศิลปิน อาหาร หรือวัฒนธรรม แต่สามารถขยายสู่นวัตกรรมที่จับต้องได้มากขึ้น
“ไทย - เทค – ท่องเที่ยว” บูรณาการครั้งสำคัญ
ดร. กริชผกา เผยว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกหลักของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะหลังการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของเชื้อโควิด - 19 ซึ่งข้อมูลจากสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (WTTC) ชี้ให้เห็นว่า ในปี 2024 ภาคการเดินทางและการท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนต่อ GDP โลกรวมอยู่ที่ 10.9 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐ เท่ากับร้อยละ 10 ของเศรษฐกิจโลกโดยรวม และเป็นแหล่งสนับสนุนการจ้างงานรวม 357 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก ทั้งนี้ องค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ได้เน้นย้ำว่านวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ด้วยการสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ การดึงดูดการลงทุน และช่วยให้แต่ละจุดหมายปลายทางมีรูปแบบการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่น่าสนใจและไม่ควรมองข้ามคือ ระบบนิเวศด้าน TravelTech ที่ทั่วโลกยังคงมีความแข็งแกร่งในด้านการลงทุน ซึ่งยุคหลังการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 บริษัทท่องเที่ยวขนาดใหญ่มีแผนเพิ่มการลงทุนด้านเทคโนโลยีโดยในปี 2024 เฉลี่ยร้อยละ 14 สะท้อนความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะใน 3 นวัตกรรมสำคัญคือ Smarter Retailing และ Personalization นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลของลูกค้าในระดับที่สูงขึ้น GenAI/Autonomous Agents ปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่สามารถคิด วิเคราะห์ และลงมือทำได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ทุกขั้นตอน เช่น ระบบ AI แนะนำเส้นทางการเดินทาง วางแผนทริป หรือจัดการจองที่พัก-ตั๋วเครื่องบินแบบอัตโนมัติ และ Sustainability โดยมีการลงทุนในสตาร์ตอัปที่เน้นความยั่งยืนในหลากหลายรูปแบบ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับความหลากหลายและความสามารถของสตาร์ตอัปที่ทำให้ไทยพร้อมเชื่อมต่อกับเทรนด์ระดับโลก และสร้างความอะเมซิ่งที่จับต้องได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ NIA พร้อมเชื่อมต่อองค์ความรู้ เทคโนโลยี และทุนทางนวัตกรรมผ่านหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสตาร์ตอัปไทย เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมการท่องเที่ยวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมขยายผลสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งไม่เพียงแค่ยกระดับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว แต่คือการสร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ผสานความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมเข้ากับพลังของเทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณค่าทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความยั่งยืน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็น Global Innovation Tourism Hub อย่างแท้จริง”


.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
.jpg)
%20(1).jpg)
.jpg)



ไม่มีความคิดเห็น